top of page

พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ deutsches filmmuseum ณ แฟรงเฟิร์ต, เยอรมันนี

พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ deutsches filmmuseum ณ แฟรงเฟิร์ต, เยอรมันนี

.

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านฉันได้มีโอกาสท่องเที่ยวที่ประเทศเยอรมันนี ทันทีที่ได้ยินว่าจะต้องไปเมืองเบอร์ลินหรือมิวนิค ฉันก็จะนึกถึงสถานที่เที่ยวที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ขึ้นมาได้ทันที แต่พอได้ยินชื่อเมืองแฟรงเฟิร์ต ฉันกลับนึกออกอะไรไม่ออกเท่าไหร่ พอหาข้อมูลก็พบว่ามีพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ซึ่งคนนิยมไปกันมากอยู่ตรงแม่น้ำ Main ด้วยความที่ฉันเป็นเด็กเรียนฟิล์มอีกทั้งยังเป็นพิพิธภัณฑ์นี้เป็นแบบ interactive ฉันจึงตัดสินใจที่จะไปอย่างไม่ลังเล

พิพิธภัณฑ์นี้เปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ยกเว้นวันพุธเปิดถึงสองทุ่ม โดยค่าเข้าแบ่งเป็นสองส่วนคือ ส่วน Permanent Exhibition และ Temporary Exhibition โดยค่าเข้าของ Permanent Exhibition ราคา 6 ยูโร ถ้ามีบัตรนักเรียนก็ 3 ยูโรเท่านั้น มีทั้งหมดสองชั้น คือ ชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สอง (เทียบเท่าชั้นที่สองและสามของบ้านเรา เพราะที่นี่ชั้น E คือชั้นหนึ่ง โดยมีเคาเตอร์ขายบัตร, คาเฟ่, ร้านขายของที่ระลึกและมีนิทรรศการเป็นน้ำจิ้มเล็กน้อย) ส่วนชั้นสามในส่วนของ Temporary Exhibition จะคิดค่าเข้าต่างหาก ราคาอยู่ที่ 7 ยูโร ชั้นบนขึ้นไปก็จะเป็น workshop ต่างๆ ไว้ให้ความรู้กับเด็ก ส่วนชั้นใต้ดินเป็นห้องฉายหนังเก่าเป็นรอบๆ ขายบัตรต่างหาก แล้วก็มีล็อกเกอร์ให้เก็บสัมภาระ โดยใช้เหรียญ 1 หรือ 2 ยูโรหยอดถึงจะได้กุญแจล็อกที่ตู้ แล้วพอมาเอาของออกก็จะได้เงินส่วนนี้คืน

ตอนที่ฉันไปถึงก็เป็นเวลาเกือบห้าโมงแล้ว ดังนั้นจึงมีเวลาในการเข้าชมเพียง 1 ชั่วโมงซึ่งถือว่ามีเวลาน้อยเมื่อเทียบกับขนาดของพิพิธภัณฑ์จึงตัดสินใจเข้าชมเพียงแค่โซน Permanent Exhibition เท่านั้น ฉันจัดแจงแบ่งเวลาเดินชั้นหนึ่งและสองอย่างละครึ่งชั่วโมงเพื่อได้เห็นทุกอย่าง ความจริงแล้วในเว็บแนะนำว่าใช้เวลา 1.30 ชั่วโมงแต่พอเอาเข้าจริงฉันว่าสามารถเดินได้ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ โดยเฉพาะถ้าเรียนภาพยนตร์ด้วยแล้วไม่ควรรีบร้อนเลยเพราะมีของน่าสนใจที่สามารถปฏิสัมพันธ์ได้เยอะมาก อีกข้อที่รู้สึกโชคดีคือพิพิธภัณฑ์นี้สามารถถ่ายรูปแต่ห้ามใช้แฟลชเท่านั้นเอง

สำหรับชั้นที่หนึ่งของพิพิธภัณฑ์จะเป็นหัวข้อ Filmic Vision อธิบายการพัฒนาและการเกิดภาพยนตร์ตั้งแต่ปี 1895 จนถึงศตวรรษที่ 18 และ 19 โดยแบ่งเป็นโซนๆ ดังนี้

- โซน Curiosity ความอยากรู้อยากเห็น จะพาเราย้อนหลังไปไกลมากตั้งแต่สมัยมนุษย์ยังรู้จักแค่กระดาษวาดภาพแล้วสร้าง peep show box ขึ้นมาให้คนส่องเข้าไปดู มีกล้องมากมายให้แอบมอง เล่นระดับ เล่นมิติ เล่นสี ฉันตื่นเต้นมาก นึกถึงนักทำหนังชื่อดัง Georges Méliès นอกจากนี้ยังรวมพวกกระจก ภาพลวงตา kaleidoscopes, anamorphoses, panoramas ไว้ในโซนนี้

.

.

.

จากนั้นไปที่โซน Movement การเคลื่อนไหว โดยจะแสดงถึงสมัยที่คนเริ่มเอาภาพที่ต่างกันมาต่อกัน ทำเป็น Wheel of life, the Zoetrope, the Mutoscope อีกทั้งพูดถึงการรับรู้ของดวงตากับ the flip book ด้วย

.

.

ต่อมาเป็นโซน Exposure การรับแสง พูดถึงการที่มนุษย์เรียนรู้ว่าแสงเท่าไหร่จึงจะสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้ โซนนี้ก็จะพูดถึงพวกกล้องถ่ายรูป มี Camera Obscura , กล้องโกดักส์ no.1 มาจัดแสดงด้วย

.

- ต่อมาก็จะเป็นโซน Projection ก็พูดถึงเครื่องโปรเจกเตอร์พร้อมทั้งมีสไลด์เก่าๆ ให้เล่น

- โซนก่อนสุดท้ายของชั้นนี้คือโซน Moving pictures ภาพเคลื่อนไหว ตอนนั้นโควตาครึ่งชั่วโมงของฉันกำลังจะหมด จึงมีเวลาอ่านไม่มาก แต่สรุปได้ว่าโซนนี้กล่าวถึงบุคคลสำคัญต่างๆ ทั้ง Ethienne Jules Marey, Lumiere & Skladanowsky brothers, รวมถึง Emile Reynaud ที่สร้างเครื่อง the treatre optique ใหญ่โตและประสบความสำเร็จดี จนกระทั่งการมาถึงของภาพยนตร์ ทำให้เขาตัดสินใจปิดการแสดงลงและทำลายเครื่องมือของตัวเองโดยโยนลงแม่น้ำ Seine ไปซะเลย

-แล้วสำหรับห้องสุดท้ายของชั้นนี้คือ ห้อง Cinema ซึ่งฉันไม่มีเวลาดู ได้จัดฉายวีดีโอสองเซ็ตคือ classic of early cinema (แน่นอน รวมถึงวีดีโอรถไฟอันโด่งดังด้วย) กับ diversity of early cinema

จบชั้นหนึ่ง ฉันรีบวิ่งไปต่อยังชั้นสองอย่างรวดเร็ว ชั้นนี้จะเป็นหัวข้อ Filmic Narrative จะแสดงให้เห็นภาพกว้างของการสร้างภาพยนตร์เสียมากกว่าโดยจะเน้นทั้งหมดสี่แขนงคือ การแสดง ภาพ เสียงและการตัดต่อ ถ้าเทียบกันแล้วชั้นที่หนึ่งให้ความรู้อัดแน่นกว่าเยอะมาก ส่วนชั้นนี้จะเน้นการปฏิสัมพันธ์แบบสนุกๆ แทน

พอเปิดประตูห้องมาชั้นสองนี้ ฉันก็เจอ film room ใหญ่มากรอต้อนรับอยู่กลางห้อง โดยจะเป็นสกรีนใหญ่ 4 จอพร้อมที่นั่ง ฉายคลิปจากหนังดังๆ หนังที่ฉายก็จะไล่มาตั้งแต่สมัยขาวดำจนปัจจุบัน สกรีนสี่อันเป็นตัวแทนของสี่หัวข้อที่เป็นหัวใจหลักของการสร้างสรรค์ก็คือ ภาพ เสียง การแสดง ตัดต่อ เสียดายที่ฉันไม่มีเวลานั่งดูในโซนนี้

- ฉันก้าวเท้าอย่างเร็วแข่งกับเวลาที่กำลังจะหมด โซนแรกที่ฉันเข้าไปดูคือ โซน Acting การแสดง มีเสื้อผ้าที่ใส่ในหนังมาแสดงสองชุด โซนนี้ก็จะพูดถึงการแสดงสีหน้าของนักแสดงซึ่งไม่ใช่แค่คน แต่รวมถึงการ์ตูนและหุ่นด้วย เช่น Hook, Darth Vader, Alien, E.T. เป็นต้น ที่ฉันชอบมากคือ เขาพูดถึงการแต่งหน้าทำผม การดีไซน์วาดภาพตั้งแต่กระดาษ ชอบที่ให้ความรู้เกี่ยวกับงานเบื้องหลังมาเสนอให้เห็นว่าทุกคนสำคัญหมดและงานหนังมันมีรายละเอียด

-โซนต่อมา Sound โซนเสียง ซึ่งฉันผิดหวังนิดหน่อยเพราะคิดว่าน่าจะมีให้เล่นได้มากกว่านี้ โซนนี้มีโต๊ะ interactive อยู่สองตัว โดยตัวแรกให้ลอง mix เสียงจากซีนหนัง ว่าจะเอาบทสนทนา เพลงประกอบ ฯลฯ มาใส่ดังเบาแค่ไหนแล้วเทียบกับเวอร์ชั่นต้นฉบับ ส่วนอีกโต๊ะนึงพูดถึง soundtrack โดยมีหนัง 4 เรื่อง มีซาวด์แทรค 4 เพลง เราสามารถเลือกซาวด์แทรคสลับกันยังไงก็ได้แล้วลองเปรียบเทียบฟังดู อันนี้สนุกดีมาก ฉันชอบเพราะทำให้ได้รู้ว่าเพลงมีส่วนสำคัญในการสร้างอารมณ์ให้แก่หนังอย่างไร นอกจากนี้ก็มีให้ฟัง sound design หนังอีกประมาณ 4-5 เรื่อง

- จากนั้นก็ถึงโซนภาพ Image มี Green Screen ให้เล่นสนุกสนานมากทั้งฉากในทะเลทรายเจอตั๊กแตนยักษ์ ฉากเราอยู่ในเรือดำน้ำแฟนซี เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงการออกแบบวางมุมกล้องก่อนถ่ายทำในขั้น Pre- production และอื่นๆ อีก

- สุดท้ายท้ายสุด คือ โซน Editing การตัดต่อ ฉันอยากบอกว่า มันเป็นโซนที่เล็กมาก มีเพียงแค่โต๊ะ interactive แต่พอลองคลิกเล่นแล้วใจเต้นสุดๆ กรี๊ดมาก เพราะมีคลิปซีนจากหนังเยอรมันหลายเรื่องให้เลือก แต่ละเรื่องจะมีฟุตเทจเตรียมไว้ให้โดยถ่ายจากกล้องห้าตัวห้ามุม แล้วให้เราเลือกตัดซีนนั้นๆ ใหม่ในแบบของเราเอง และยังสามารถเทียบกับเวอร์ชั่นจริงได้ ฉันสนุกกับการตัดต่อมากแต่ก็ได้เล่นไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเนื่องจากเวลาหมดลงแล้ว

หากใครสนใจ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://deutsches-filminstitut.de/en/

เวลา : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10 am- 6 pm ยกเว้นวันพุธ 10am-8pm ปิดวันจันทร์

ค่าเข้าชม : Permanent exhibition ผู้ใหญ่ 6 € , เด็กอายุมากกว่า 6 ปี, ผู้ฝึกงาน, นักเรียนและผู้พิการ 3 € Temporary Exhibition ผู้ใหญ่ 7 €, เด็กและผู้พิการ 5 € , เด็กอายุมากกว่า 6 ปีและผู้ฝึกงาน 4 €

Recent Posts
Category

© 2024 Kanchalee Deganis-Librera

    bottom of page