Get Out หนังหลอนๆ ของคนอเมริกัน
Get Out หนังหลอนๆ ของคนอเมริกัน
.
หลังจากได้ยินเสียงฮือฮาจากเพื่อนชาวอเมริกันและเว็บไซต์ต่างประเทศอย่างมากมาย ในที่สุดเราก็ได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง Get Out เสียที เราไม่ใช่แฟนหนัง Horror/ Thriller ใดๆ ทั้งสิ้น แต่เรื่องนี้มันดังมาก แน่นอนสาเหตุหลักเพราะคนเขียนบทและกำกับคือ Jordan Peele จาก Key & Peele (เข้ายูทูปเลือก sketch ตลกดูได้ตามอัธยาศัย) แต่เมื่อดูหนังจบกลับพบว่า Get Out มันไม่ใช่หนังน่ากลัวตุ้งแช่แบบที่ฉาบเอาไว้ แต่มันคือหนังเสียดสีสังคมอเมริกันกับการเหยียดผิวชัดๆ ซึ่งเอาจริงๆ บางคนถึงกับบอกว่า ไม่ได้เสียดสีสักหน่อย แต่นี่มันหนังวิจารณ์สังคมและพูดถึงเหตุการณ์จริงด้วยซ้ำไป
.
ขอบอกก่อนว่าตอนเราดู เราได้รับการสปอยเนื้อเรื่องมาแล้ว ดังนั้นมันก็จะมีความหลอนน้อยหน่อยเพราะรู้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ข้อดีคือ มันกลับทำให้เราไม่ได้โฟกัสที่เนื้อเรื่องแต่เป็นข้อความที่แทรกเอาไว้แทน แถมเพราะเคยอยู่ที่นั่นมานานและมีประสบการณ์อยู่กับคนขาวเยอะๆ (โดยเฉพาะคนขาวที่ไม่ได้อยู่ในเมืองซึ่งตรงกับในเรื่อง) หลายฉากเราว่ามันเจ็บๆ คันๆ และตลกมากเพราะพูดความจริงเกินไป บางเหตุการณ์ คือ คนขาวบางคนเค้าก็ไม่ได้เหยียดนะ แต่มันคือ Ignorance ความไม่รู้ แต่เป็นความไม่รู้ที่ทำให้อีกฝ่ายฟังแล้วสะอึก (ตัวอย่างคลาสสิกก็ที่ฝรั่งถามว่าคนไทยยังขี่ช้างหรือไม่ เป็นต้น) และอีกหลายฉากในหนังคือเหตุการณ์ที่มันอ้างอิงกับประวัติศาสตร์บ้านเค้า ตอนเราดูจบ เราชอบมาก ยิ่งเพราะความกีคก็ไปตามหาอ่านข้อมูลต่อก็ยิ่งกรีดร้อง แต่แล้วก็มาเอะใจว่า เฮ้ย ถ้าหนังมันขนาดนี้ มันจะเข้าไทยไหม แล้วดันเข้าด้วย ชื่อไทยคือ “ลวงร่างจิตหลอน” แล้วสงสัยต่อว่าแล้วคนไทยจะเก็ทไหม พอตามอ่านพันทิพก็พบว่าบางคนไม่เก็ทเลย บางคนเก็ทแต่มันก็ไม่หมดไง เราเลยขอมาอธิบายเสียหน่อย
.
เริ่มจากพลอตแบบไม่สปอย:
คริส ชายผิวสีเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวโรส แฟนสาวผิวขาวที่ต่างจังหวัดแล้วเขาก็เจอเหตุการณ์แปลกๆ หลอนๆ ขึ้น
.
คริสและโรส
พลอตแบบสปอย:
โดยเรื่องหลอนๆ คือ ครอบครัวของโรสมีกิจการการขายร่างกายของคนดำ โดยโรสจะเป็นคนหลอกเหยื่อเหล่านั้นมาที่บ้าน มีการประมูลคนดำ เมื่อประมูลเสร็จ แม่ของโรสซึ่งเป็นจิตแพทย์ก็จะสะกดจิตให้เจ้าของร่างถูกขังอยู่ในเบื้องลึกหลุมดำในจิตใจของตัวเองแต่ไม่ตายเพื่อให้ร่างกายยังสามารถทำงานได้ จากนั้น พ่อของโรสซึ่งเป็นศัลยแพทย์ระบบประสาทก็จะเอาสมอง/ระบบประสาทของคนที่ชนะการประมูลมาใส่ในร่างกายของคนดำ ดังนั้นจะเท่ากับว่า คนขาวที่ชนะการประมูลนั้นจะมีชีวิตอยู่ต่อไปในร่างคนดำนั่นเอง
ส่วนข้อมูลต่างๆ ที่เป็นทั้ง hidden message และการเย้ยหยันความจริงอันเลวร้ายในหนังเรื่องนี้ บางข้อที่เรารวบรวมมา ตัว Jordan Peele เป็นคนบอกเล่าถึงแนวคิดด้วยตัวเอง แต่บางข้อก็เป็นข้อสังเกตที่ไม่ได้รับการยืนยันแต่เราว่ามันเข้าท่าดี ฉลาดมาก แถมพีคกว่าพลอตอีก เราเลยอยากมาเล่าให้ได้ฟังกัน
.
*(สปอยหนัก)
กวาง: สำหรับกวางนี่ถือว่าเป็นเจ้าประจำของ Hidden message เลยก็ว่าได้ เรื่องนี้เราเห็นกวางสามครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่รถชนกวาง ครั้งสองตอนพ่อโรสบอกว่ากวางมันเยอะสมควรตาย ครั้งที่สามคือ หัวกวางที่ถูกล่าแล้วตัดมาประดับไว้ห้องใต้ดิน ซึ่งสุดท้ายคริสก็ใช้หัวกวางนี้เอาคืนครอบครัวสยองขวัญนี้ สำหรับกวางในเรื่อง จะหมายถึงตัวคนดำหรือเหยื่อนั่นเอง
ฉากตำรวจมาดูอุบัติเหตุแล้วขอดู ID คริสทั้งที่เขาไม่ได้เป็นคนขับรถ : ฉากนี้พีคในแง่ของสังคม จะว่าไปก็ไม่ได้เป็น hidden massage อะไรเลย มันเหมือนเป็นการเอาเรื่องจริงที่คนรู้กันทั่วไปในสังคมมาใส่ในหนังมากกว่า ปฏิกิริยาของคนดำตอนดูฉากนี้ในเทรเลอร์คือ ยิ้ม พยักหน้า แล้วแบบ yep, yep คนดำขำก๊ากไปเลยก็มี
Black mold ณ ห้องใต้ดิน : ตอนที่พ่อโรสบอกคริสว่าห้องใต้ดินต้องปิดเอาไว้เพราะมีราดำขึ้น ซึ่งสุดท้ายชั้นใต้ดินคือ ชั้นที่กระทำการผ่าตัดเปลี่ยนร่างคนดำนั่นเอง
อีกหนึ่งประเด็นที่ชัดเจนและใช้ครอบครัวของโรสเป็นตัวนำ คือ การพูดถึงเหล่า Liberal Racism คือ พวกคนขาวที่บอกว่าตัวเองไม่ได้เหยียดผิว กลับชอบมากเสียด้วยซ้ำ (“ถ้าเป็นไปได้ ฉันจะเลือกโอบาม่าอีกเป็นครั้งที่สาม”, การที่พ่อโรสเรียกคริสว่า “My man” ซึ่งคนขาวเขาไม่พูดกัน) ไอ้การชอบมากเนี่ยแหละคือตัวปัญหา เพราะแสดงให้เห็นว่ามันก็ยังเห็นความแตกต่างของสีผิวอยู่ คนพวกนี้ชอบมากจนต้องมีคนดำไว้ข้างกายนั่นเท่ากับว่าก็เห็นคนผิวสีเป็นเพียงวัตถุเท่านั้นเอง
จะว่าไปไม่ใช่เพียงแค่ครอบครัวนี้ แต่คนตาบอดที่ชนะการประมูลคริสเองก็เทียบได้กับเหล่าคนขาวที่ถึงแม้ว่าคนพวกนี้จะพูดว่า เขาไม่ได้”เห็น”ความต่างของสีผิวเหมือนคนอื่นๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เข้าใจถึงการเป็นคนดำ ทั้งยังสนับสนุนสิ่งเลวร้ายให้เกิดขึ้นอยู่ดี
สำหรับการอาศัยอยู่ในร่างกายคนดำโดยคนควบคุมเป็นคนขาว หมายถึงการที่คนขาวคิดว่าตนเองคือคนที่เหนือกว่าอยู่ดี
ถ้วยชาที่ใช้ในการสะกดจิต บ้างก็บอกว่า มาจากเรื่องจริงที่สมัยก่อนเจ้านายคนขาวใช้การเคาะถ้วยชาเป็นการเรียกทาสให้มารับใช้ในบ้าน บ้างก็บอกว่าช้อนหมายถึง พวกที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดซึ่งมีข้อได้เปรียบกว่าคนอื่น นั่นก็คือครอบครัวของโรสนั่นเอง
บรรดาคนในงานให้ความสำคัญกับคริสซึ่งเป็นคนดำเพียงคนเดียว : ฉากที่คริสเดินเข้างานแล้วทุกคนยิ้มแย้มกับเขามากจนขนลุก จับเนื้อจับตัวหรือถามคำถาม ignorant ทั้งหลายนั้น ถ้าในแง่เนื้อเรื่องคือ คนเหล่านี้กำลังจะประมูลชายคนนี้จึงให้ความสำคัญ แต่อีกแง่คือเล่นกับสังคม ทั้งการได้รับการโอ๋เป็นพิเศษเมื่อเป็นคนต่างผิวในชุมชน อีกทั้งเล่นกับการที่คนขาวสนใจเพียงแค่ลักษณะทางกายภาพของคนดำเพราะวิ่งเร็ว แข็งแรง บางคนก็บอกว่าเพราะสมัยนี้ “มันเจ๋ง” ที่เป็นคนผิวสีเท่านั้นเอง
ถ้าหากสังเกตให้ดีจะพบว่าเหล่าบรรดาคนในงานจะมีเสื้อผ้า หมวก ผ้าเช็ดหน้า ฯลฯ เป็นสีแดง มีแต่คริสที่ใส่สีฟ้า ซึ่งถ้าพูดตามพรรคการเมืองแล้ว สีแดงคือพวกฝั่งขวา (หัวโบราณ ชาตินิยม พรรคของทรัมป์) ส่วนสีน้ำเงินคือพวกฝั่งซ้าย (หัวสมัยใหม่ พรรคของโอบาม่า)
ในบรรดาคนในงานจะมีคนเอเชีย (Asian-American) อยู่ด้วยหนึ่งคน ซึ่งในแง่สังคมอเมริกัน คนเอเชียอยู่ใต้คนขาวแต่เหนือกว่าคนดำ ทั้งสถานะของคนเอเชียที่เข้าข้างคนขาว ทำให้มีหน้าที่สนับสนุนสังคมแบบนี้โดยปริยาย (มีเกร็ดย่อยบอกว่าสมัยก่อนคน Asian-American ก็มีทาสเหมือนกันแต่ไม่ได้รับการเอ่ยถึงมากนัก Peele ถึงได้ใส่มาในฉากการประมูล เราพยายามหาข้อเท็จจริงแต่หาไม่เจอ ก็เลยขอไม่ยืนยัน)
เล่นบิงโก : ฉากนี้ถือว่าพีคมาก เพราะในพลอตเรื่องสยองขวัญนี่คือฉากเฉลยว่าการที่เหล่าคนขาวทั้งหลายที่มางานนี้ ความจริงแล้วมาเพื่อประมูลร่างกายของคริส ซึ่งแค่ด้วยตัวบทหนังมันก็แรงแล้ว แต่เรื่องจริงคือ ล้อกับการซื้อขายทาสในสมัยก่อน ฉากนี้สำหรับเราคือฉลาดมาก ฉลาดที่สุดในสามโลก
ฉากการประมูล
ความสำคัญของโทรศัพท์มือถือ : ในเรื่องนี้แฟลชจากโทรศัพท์ทำให้เจ้าของร่างหลุดจากการสะกดจิตแล้วกลายเป็นตัวเองอีกครั้ง เพราะในรอบหลายปีที่ผ่านมาโทรศัพท์มือถือได้เป็นส่วนสำคัญในการเสนอข้อเท็จจริงในสังคมอเมริกัน วีดีโอมากมายที่ถูกถ่ายเอาไว้จากโทรศัพท์สามารถทำให้คนเห็นการทำงานของตำรวจต่อคนผิวสีและทำให้เกิดการเคลื่อนไหว Black lives matter ขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับความไม่ยุติธรรมในสังคม
ฉากอุดหูด้วยฝ้าย : หนึ่งในสาเหตุที่คริสรอดชีวิตออกมาได้ เกิดจากการที่เขาเอาฝ้ายจากเก้าอี้มาอุดหูทำให้ไม่ได้ยินการสะกดจิต สำหรับ “ฝ้าย” นั้นสำคัญกับประวัติศาสตร์ของคนดำ เพราะสมัยก่อนทาสเหล่านี้ถูกใช้แรงงานให้เก็บเกี่ยวฝ้าย แต่หนังเรื่องนี้กลับให้คนดำเก็บฝ้ายเพื่อรอดชีวิตแทน
ฉากดื่มนมและซีเรียลแยกกัน : ฉากนี้นับเป็นฉากหลอนของโรส ซึ่งคนมาแปลความถึงการแยกผิวสีระหว่างคนขาวและคนชาติพันธุ์อื่นออกจากกัน แต่ Peele บอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะเป็นเช่นนั้น เขาคิดในแง่ที่ว่าซีนนี้เป็นการเปิดเผยตัวตนของโรสที่เย็นชาเหมือนพวกคนขาว Preppy ที่กำลังทานของว่างระหว่างช๊อปปิ้งเหยื่อรายต่อไป โดยมีภาพเหยื่อรายก่อนๆ ประดับอยู่ที่ผนัง แต่ถึงกระนั้น เขาก็ชอบใจกับการเปรียบเทียบของคนดู (เราเพิ่งกูเกิ้ลแล้วพบว่า ในระยะหลังนี้ “นม” ได้ถูกใช้เชิงสัญลักษณ์ในแง่ของสีผิวอย่างมาก ทั้งการที่คนมาตั้งข้อสังเกตว่า เวลารัฐบาลอเมริกันพูดถึงความสำคัญของปริมาณการดื่มนมมันเหยียดผิวไหม เพราะแต่ละเชื้อชาติจะมีการดูดซึมของร่างกายไม่เท่ากัน อีกทั้งเมื่อตอน Shia LaBeouf มีนิรรศการ He will not divide us ก็มีพวกเหล่าโทรลโชว์สัญลักษณ์นาซีแล้วเอานมขาวมาราดเพื่อแสดงถึงชาติพันธุ์ผิวขาวอีกด้วย เอ่อ นี่มันอะไรกันเนี่ย! )
ฉากดื่มนมที่ขึ้นแท่นเป็นตำนานของหนังสยองขวัญไปแล้ว
สำหรับฉากจบที่เล่นกับความรู้สึกคนดูกับสังคมอเมริกันอย่างเจ็บแสบ คือ ฉากที่เราเห็นแค่ไฟรถแดงน้ำเงินมาถึงที่เกิดเหตุแล้วหลอกให้คนคิดว่านั่นคือรถตำรวจ เอาจริงๆ ฉากนี้โดยทั่วไปเราก็จะรู้สึกว่าแย่แล้ว เพราะภาพที่ออกมามันคือคนดำคนนี้ฆ่าทุกคนในบ้าน แต่ถ้าเป็นคนที่เคยได้ข่าวเกี่ยวกับ Black lives matter มาบ้างจะรู้ว่าฉากนี้มันตลกร้ายชัดๆ เพราะมีคนดำมากมายที่ไม่ได้ทำอะไรแต่ถูกตำรวจอเมริกันยิงตาย การเป็นคนดำแล้วถูกตำรวจเรียกนับเป็นการเอาชีวิตไปอยู่บนเส้นด้ายอย่างแท้จริง (มีหลายบทความของคนดำที่พูดถึงการที่เขาต้องสอนลูกชายผิวสีของเขาให้ประพฤติตัวอย่างไรให้สามารถเดินอยู่นอกบ้านได้อย่างปลอดภัย เคยมีวีดีโอคนดำที่บอกว่า Pokemon go นี่มันเกมส์ของคนขาวชัดๆ เพราะการเป็นคนดำแล้วเดินเตร็ดเตร่วนไปมาจะถูกสงสัยได้..เออ.. สังคมจะโหดไปไหน) อย่างในหนังจะเห็นได้ว่าสิ่งแรกที่คริสทำคือ ยกมือขึ้นให้เห็นว่าไม่มีอาวุธ แต่ถึงอย่างนั้น ตอนเราดูถึงฉากนี้ (แม้เราจะรู้ว่าเพื่อนจะมาช่วย) คำแรกที่ผุดขึ้นมาคือ ตายแน่นอนไอ้คริส ไม่มีทางรอด ดังนั้นพอได้รับการเปิดเผยว่า ความจริงคือเพื่อนของคริส คนดูถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความโล่งอกและรู้ว่าคริสจะปลอดภัยอย่างแน่นอน
แต่ แต่ แต่ อยากบอกว่าความจริงตอนจบข้างบนไม่ใช่ตอนจบ original ที่เขียนไว้ ตอนแรกที่ Peele เขียนไว้คือ สุดท้ายแล้วรถนั้นคือ รถตำรวจจริงๆ แล้วคริสถูกจับเข้าคุก เมื่อเพื่อนไปเยี่ยมในคุก คริสพูดแค่ว่า ฉันหยุดพวกมันได้เพียงเท่านี้ ซึ่งเปรียบกับเหตุการณ์จริงที่มีบุคคลมากมายต้องยอมเสียสละชีวิตต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมกันของเชื้อชาติ แต่เมื่อฉายตอนจบนี้รอบ Screening กลับพบว่าคนดูไม่ชอบ เพราะคนดูไม่ต้องการเสียเงินดูหนังที่ตอกย้ำให้พวกเขานึกถึงเรื่องที่เห็นในข่าว อีกทั้งในช่วงปีหลังๆ การถูกจับและถูกฆ่าของคนดำได้มีการนำเสนออย่างมากในสังคม เขาจึงเปลี่ยนตอนจบเพื่อให้คนดูมีความหวังและไม่จบอย่างหดหู่ (เหมือนชีวิตจริง) พีคไปอีก
ตอนจบแบบหดหู่ คริสอยู่ในคุก
สำหรับเพลงประกอบ Get Out ก็ใช้ทำนองและภาษาของคนแอฟริกัน ชื่อเพลงแปลได้ว่า “ให้ฟังเสียงบรรพบุรษ” ส่วนเนื้อเพลงสามารถแปลได้ว่า Brother, Brother, Something bad is coming. Run.
.
แน่นอนว่ามีการวิเคราะห์ตัวละครและความหมายของฉากอื่นมากกว่านี้แต่เราเอาประมาณนี้พอสังเขป หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามและไม่ได้ถูกกล่าวถึงเพียงแค่นิตยสารภาพยนตร์เท่านั้น แต่ได้รับการวิเคราะห์ในสื่ออย่างกว้างขวาง เพราะธีมของเรื่องคือ “การตื่น” ซึ่งนอกจากจะเล่นคำหมายถึง คริสในหนังที่ตื่นจากการสะกดจิตแต่ยังหมายถึง การปลุกให้คนอเมริกันตื่นอีกด้วย เพราะหลังจากโอบาม่าได้ตำแหน่งประธานาธิบดี 8 ปี คนอเมริกันเชื่อว่าประเทศอเมริกาได้ก้าวผ่านการเหยียดผิวไปแล้ว ซึ่งนั่นเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ Jordan Peele ต้องการให้คนตื่นมายังโลกแห่งความเป็นจริง เพื่อให้เห็นทั้งสิ่งที่คนขาวแสร้งทำและความหวาดกลัวที่คนดำต้องเผชิญ จะเห็นได้ว่าหนังเรื่องนี้ถือเป็นหนังของชาวอเมริกันในภาวะภายใต้ผู้นำอย่างทรัมป์อย่างแท้จริง
ครอบครัวสุขสันต์
*ข้อมูลอ้างอิงจากหลายเว็บไซต์และยูทูป
*งานเขียนเก่า
*ภาพจากอินเตอร์เน็ต