[Review] Lock In จิตลวงร่าง

[Review] Lock In จิตลวงร่าง . วันนี้ขอมาแปลก มารีวิวหนังสือ ช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้อ่านนิยายเรื่องยาวเท่าไหร่หรือถ้าอ่านก็อ่านไม่จบ พอดีเมื่อปลายปีที่แล้วไปงานหนังสือครั้งแรกตั้งแต่กลับไทยเลยได้เดินอัพเดตดูวงการหนังสือครั้งใหญ่เลย การเห็นแค่หนังสือในร้านหนังสือที่เราเลือกเข้ากับเห็นทั้งมหกรรมมันให้ความรู้สึกต่างกันเยอะพอดู จริงๆ หนังสือนี่ตัวสะท้อนวัฒนธรรมอย่างดีของคนในประเทศเลยนะ ก็ถือว่าเปิดหูเปิดตาดีเหมือนกันว่าตอนนี้คนไทยส่วนมากเป็นแนวนี้ๆ อะไรแบบนี้ . แล้วเราก็เดินผ่านบูทหนังสือหนึ่ง เป็นบูทหนังสือแนวไซไฟ คนขายหนังสือประจำบูทดีมาก (เอาจริงๆ ก็จำไม่ได้หรอก แต่คิดว่าน่าจะเป็นของ Maxx Publishing โดยตรง) ทุกคนสามารถเล่าเรื่องย่อของหนังสือทุกเล่มที่หยิบขึ้นมา ทำเราประทับใจมาก รู้สึกว่าคนขายหนังสือต้องรักหนังสืออย่างนี้สิ! สุดท้ายเราก็เลือกซื้อ Lock In (จิตลวงร่าง) กับ ถ้าโลกนี้ไม่มีแมวมา แน่นอนแฟนซีทั้งสองเรื่องแต่คนละแนวกัน ซึ่งเราก็รู้สึกคิดถูกที่ซื้อมาเพราะอ่านจบแล้วชอบทั้งสองเล่ม . อย่างเรื่องถ้าโลกนี้ไม่มีแมวนี้ อ่านแปปเดียวก็จบเพราะไม่ได้มีรายละเอียดมากในด้านโลกภายนอก จะเขียนในแง่ความรู้สึกแล้วก็ให้คนอ่านชวนคิดตามตัวละครว่าจะยอมแลกให้ของอื่นๆ หายไปจากโลกเพื่อตัวเองจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปหรือเปล่า มันก็พูดถึงความรักชีวิต (เห็นแก่ตัว)ของมนุษย์แหละ จริงๆ อยากแนะนำให้อ่านนะ อ่านง่าย หน้าปกน่ารัก ที่คั่นหนังสือเป็นรูปน้องแมวอีก แพคเกจดีงามน่าเก็บ แต่สำหรับเรื่อง Lock In นี่มาเป็นคนละแนว เข้มข้นมาก มีการแต่งโลกใหม่หมด รายละเอียดอัดแน่น แต่สนุกมาก พลอตเรื่องน่าติดตาม เราอ่านสองวันจบ (ซึ่งไม่ได้เป็นแบบนี้มานานแล้วนับตั้งแต่แฮรี่พอตเตอร์!) คนเขียนชื่อ จอห์น สกัลซี (John Scalzi) ซึ่งดูเหมือนว่าหนังสือเรื่อง Old men’s war ของเขาจะโด่งดังมาก จำได้ว่าที่บูทเขาพยายามจะเชียร์ให้ซื้อแต่พอดีพลอตไม่ค่อยใช่แนวเราเหมือนเรื่องนี้ . Lock In จิตลวงร่างมิใช่นิยายแนวหลอนๆ แต่เป็นนิยายแนว thriller/ sci-fi เกี่ยวกับการสืบสวนคดีฆาตกรรมโดยมีฉากหลังเป็นโลกอนาคต เราขออธิบายละเอียดกว่าปกหน้าปกหลังแล้วกันนะ เหตุผลหลักที่ทำให้ทุกอย่างทุกปัญหาเกิดขึ้นในเรื่องนี้เนื่องจากในโลกอนาคตประชากรจำนวนมากจะติดเชื้อโรค “เฮเดน” โรคเฮเดนนี้จะทำให้คนเกิดอาการ Lock In คือเป็นอัมพาตไม่สามารถขยับตัวได้ แต่เขายังมี “จิต” ที่สามารถเติบโตได้ปกติอยู่ ทีนี้ก็จะมีคนที่เป็นโรคเฮเดนแล้วตาย, คนที่เป็นเฮเดนแล้วยังอยู่ร่างนอนเป็นผักแต่มี”จิต”, และมีคนที่เป็นเฮเดนแล้วหายแต่สมองปรับเปลี่ยนไปก็สามารถมาเป็น “อินทิเกรเตอร์” ได้ . แล้ว “อินทิเกรเตอร์” คืออะไร ? อินทิเกรเตอร์ก็คือคนปกติที่ให้คนอื่นที่เป็นเฮเดน “เช่า” ร่างของตัวเองในขณะที่ตัวเองก็มีจิตอยู่ในร่างอยู่เหมือนกัน (ธีมคล้ายๆ เรื่อง get out แต่อันนั้นเป็นการสะกดจิตแต่อันนี้คือวิทยาศาสตร์) โดยใช้ซอฟแวร์อัพโหลดเข้าไปในสมองพร้อมการผ่าตัดใส่โครงข่ายประสาทสมองเข้าไปในหัวของตัวเองและคนที่เป็นเฮเดน โดยเฮเดนสามารถเปลี่ยนอินทิเกรเตอร์ได้แล้วแต่สัญญาเช่ากัน โดยอินทิเกรเตอร์ยังมีสติรับรู้ตอนถูกเช่าอยู่เพื่อจะได้ยื่นมือเข้ามาหากเฮเดนจะทำอะไรที่เป็นอันตรายกับร่างกายตน ซึ่งในเรื่องก็จะแยกไปอีกว่าบางคนที่เป็นเฮเดนชอบใช้ “ทรีพ” (ร่าง AI) มากกว่าโดยเฉพาะคนที่เป็นเฮเดนตั้งแต่เด็กทำให้ไม่รู้จักการใช้ร่างกายภาพของมนุษย์ที่ดีนัก หรืออย่างบางคนต้องใช้อินทิเกรเตอร์เพราะทำงานที่ต้องพบปะผู้คน เช่น นักธุรกิจ เป็นต้น . ทีนี้ปัญหาของเรื่องมันดันอยู่ที่ว่าในเรื่องเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นและคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุและเป็นผู้ต้องสงสัยคือ อินทิเกรเตอร์ ซึ่งอ้างว่าเขาถูกเช่าร่างอยู่ เขาไม่ได้เป็นคนทำ งานนี้ทำให้เจ้าหน้าที่เอฟบีไอสองคน (คนหนึ่งเคยเป็นอินทิเกรเตอร์ คนหนึ่งซึ่งเป็นตัวละครหลักดำเนินเรื่องเป็นเฮเดนที่ใช้ทรีพ) ต้องมาสืบสวนว่าจริงหรือไม่ เพราะหลักฐานทุกอย่างในที่เกิดเหตุไม่เป็นเหตุเป็นผลเลยสักนิด อีกทั้งยังมีกฏหมายคุ้มครองข้อมูลอินทิเกรเตอร์-เฮเดนเหมือนคุ้มครองหมอ-คนไข้, ทนายความ-ลูกความด้วย . นอกจากพลอตเรื่องหลักแล้ว ในหนังสือยังมีรายละเอียดทับซ้อนที่พูดถึงเรื่องความเป็นมนุษย์ตั้งแต่เรื่องส่วนบุคคล เช่น เฮเดนมี “ดิ อโกร่า” ซึ่งเป็นเหมือนสังคมที่เฮเดนทุกคนได้มาเจอและพูดคุยกัน (คล้ายเซิฟเวอร์เกมส์ออนไลน์), แต่ขณะเดียวกันเฮเดนก็ต้องการมีพื้นที่ส่วนตัวที่ “จิต” อยากอยู่คนเดียว (เพราะในเมื่อไม่สามารถเป็นกายภาพหรือร่างกายตัวเองอยู่คนเดียวได้ ก็ต้องเป็นจิตใช่ไหมหล่ะ), การใช้ประโยชน์จากที่ตัวละครเฮเดนที่เวลาต้องการเดินทางไปสอบสวนที่ไหน ขอแค่ปลายทางมี “ทรีพ” (ร่างกาย)รออยู่ เฮเดนก็สามารถใช้จิตเขาเดินทางไปยังที่หมายได้อย่างรวดเร็ว, จนไปถึงเรื่องสังคม เช่น ปัญหาเรื่องการนัดหยุดงานประท้วงของเหล่าเฮเดนเพราะสภาเพิ่งผ่านร่างกฏหมายตัดงบประมาณ, ความรุนแรงจากมนุษย์เพราะความกลัวต่อเหล่าเฮเดน, การกระทำของรัฐบาลต่อเขตสงวนรัฐนาวาโฮและคน Native American รวมไปถึงเรื่องในแวดวงธุรกิจว่ามีผู้ใดได้ประโยชน์จากเฮเดนและการตัดงบประมาณของรัฐครั้งนี้บ้าง นี่ยังไม่รวมถึงเส้นเรื่องในแง่โปรแกรมเมอร์, แฮคเกอร์, การเคลื่อนย้ายข้อมูลประสาทระหว่างเฮเดนกับอินทิเกรเตอร์อีก ซึ่งเรารู้ว่าพอเขียนออกมาแล้วมันฟังดูเยอะมากทั้งหมดนี้ แต่มันก็สามารถเข้าใจได้จริงๆ นะ เพราะทุกอย่างเขียนบรรยายไว้อย่างดีแล้วค่อยๆ ไล่ขึ้นไปเป็นระดับให้คนอ่านเข้าใจไปพร้อมๆ กับตัวละคร อีกทั้งมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นตลอดเวลาปมค่อยๆ ขมวดขึ้น ไดอะล็อกก็ขับเคลื่อนเนื้อเรื่องเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้แหละทำเอาเราอ่านไปรวดเดียวจบเลย แล้วถึงขนาดต้องรีบมาเขียนรีวิวนี้อย่างรวดเร็ว . สรุปว่า หากใครเป็นคอ Sci-fi และแนวสืบสวนไม่ควรพลาดเพราะผสมผสานกันได้อย่างลงตัวมาก เราแชร์ลิงค์ที่มีให้ทดลองอ่านอยู่ข้างล่างนี้ ยังไงก็ลองกดอ่านกันได้เพราะเราเชียร์มาก (เหมือนเขาจ้าง) และถ้าใครมีหนังสือแนวนี้อีก อยากให้แนะนำเรามากๆ เราชอบแนวสืบสวนสอบสวน แล้วก็แนวร่างกับจิต (ที่ไม่ใช่หนังสือธรรมะและเรื่องสิ่งลี้ลับ) นี่ก็ว่าจะไปหาหนังสือของ John Scalzi มาอ่านอีก (แต่คิดว่าควรจะเคลียร์หนังสือจากงานหนังสือให้หมดเสียก่อน!)
.
ทดลองอ่าน : http://www.mbookstore.com/book-details/9940/นวนิยาย/Lock-In---จิตลวงร่าง-(ทดลองอ่าน)/?v=2
ที่มาของภาพ : https://book.mthai.com/all-books/2926.html