[Review] Hope: Kitai Zero no Shinnyu Shain (HOPE~期待ゼロの新入社員~)
มาอีกแล้วกับงานเขียน~! วันนี้ขอเขียนสั้นๆ แนะนำซีรีส์ที่เราดูจบตั้งแต่ปลายปี ชื่อเรื่อง Hope: Kitai Zero no Shinnyu Shain (HOPE~期待ゼロの新入社員~) ที่รีเมคจากละครเกาหลีที่เป็นการ์ตูนมาก่อนเรื่อง Misaeng เรารู้จักเรื่องนี้ก็เพราะดูคันจานิจิกกล้องแตกฯ แล้วน้องยูโตะไปออกโปรโมทละครนี่แหละ พอมีเวลาว่างเลยลองหาดู แล้วก็พบว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กใหม่ในบริษัทที่สนุกมาก ติดงอมแงม แถมซึ้งน้ำตาไหลพรากๆ ทุกตอนเลยด้วย . สำหรับเนื้อเรื่องก็คือ อายุมุ อิชิโนเสะ (ยูโตะ นากาจิม่า)ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นนักเล่นโกะมืออาชีพ แต่ทำยังไงเขาก็ไม่สามารถผ่านการทดสอบได้ จนกระทั่งอายุ 22 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่จะเข้าแข่งตามกฏจำกัดอายุ แม่ของเขากลับล้มป่วยและทำให้เขาพลาดการแข่งขันครั้งนั้น หลังจากนั้นอิชิโนเสะก็ไม่มีกำลังใจจะทำอะไร ก็ได้แต่เป็นพนักงานพาร์ตไทม์ไปวันๆ แม่เขาเองก็รู้สึกผิดเลยไปฝากฝังให้ลูกได้สมัครไปเป็นอินเทิร์นบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเรื่องก็เริ่มมาจากตรงนี้แหละว่า บริษัทนี้รับพนักงานอินเทิร์นมาฝึกหนึ่งเดือนก็จริงแต่จะรับคนเข้ามาเป็นพนักงาน full time ไม่กี่คนเท่านั้น อิชิโนเสะที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ถ่ายเอกสารไม่เป็นก็ต้องไปแข่งกับเหล่าเด็กจบใหม่มหาวิทยาลัยดังๆ ด้วย ซึ่งธีมหลักของซีรีส์ Hope ก็คือความหวังนี่แหละ . สิ่งที่ทำให้เราประทับใจซีรีส์นี้มาก คือ มันฟีลกู๊ดแบบญี่ปุ่นจริงๆ หมายความว่าเรื่องนี้ไม่เน้นที่ตัวร้ายเลยนะ อย่างตอนแรกเราดูก็นึกว่าหัวหน้าแผนกของอิชิโนเสะจะไม่ดี ดูๆ ไป อ้าว ก็เป็นคนดีนี่นา แถมไม่ใช่แค่อิชิโนเสะเป็น underdog นะ แต่แผนกของอิชิโนเสะเป็น underdog ของบริษัทเลยต่างหาก เนื้อเรื่องเกี่ยวกับความพยายาม ความรับผิดชอบ การต่อสู้ด้วยกันเลยอบอุ่นมาก ในส่วนของตัวร้ายจะไม่ใช่เหมือนละครไทยที่จงเกลียดจงชังไม่มีเหตุผล แต่ไปในแนวเพราะเป็นการทำงานแบบออฟฟิศ มีการเอาเปรียบ แข่งขัน สุดท้ายละครเรื่องนี้จึงเน้นที่การต่อสู้กับตัวเองและความพยายามพิสูจน์ตัวเองของแต่ละคนเสียมากกว่า ซึ่งก็มีทั้งแพ้ทั้งชนะคละกันไปตามการทำงานจริง และที่เราชอบอีกอย่างคือมีธีมเกี่ยวกับการเป็นผู้หญิงในที่ทำงานด้วย กรี๊ดมากไม่นึกว่าญี่ปุ่นจะเล่นเรื่องนี้ ดีใจมาก แล้วถ้าใครคิดว่าละครเรื่องนี้จะเป็นเรื่องของอิชิโนเสะคนเดียวนั้นถือว่าผิด เนื้อเรื่องกระจายออกไปเกี่ยวกับหัวหน้าแผนกและปัญหาของอินเทิร์นคนอื่นๆ ด้วย เท่ากับว่าแต่ละตอนคือมีเรื่องหลักของอิชิโนเสะ แต่มีเส้นเรื่องรองอีก 2-4 เรื่อง (ความจริงช่วงนั้นเพิ่งเรียนเขียนบทกับพี่เต๋อจบ แล้วแกบอกว่าชอบเรื่องไหนให้ลองเขียนศึกษาออกมา ตอนนั้นฮึดจัด เขียนแต่ละตอนออกมาเลย ทำให้ได้เห็นโครงสร้างของแต่และ Ep. เลยยิ่งเคารพคนเขียนบทมาก) . ต้องบอกก่อนเราไม่ได้ชอบหนัง/ ซีรีส์ญี่ปุ่นทุกเรื่องนะ แต่เราว่าเรื่องนี้มันสนุกเพราะบทก็ดี ไดอะล็อกก็ได้ (ใน 5 นาทีแรกบอกแบคกราวน์ตัวละครเกือบหมด ภายใน 8 นาที รู้จักตัวละครอินเทิร์นอื่นๆ และ condition การฝึกงานทั้งหมดโดยใช้ไดอะล็อกที่จำเป็นเท่านั้น) วิธีการเล่าเรื่องไม่หนักเกินไปแต่ก็ไม่ไร้สาระ มีประเด็นการทำงานและการต่อสู้ในชีวิตจริง ตอนจบก็หาทางจบได้ดี (ซึ่งตอนแรกเราก็ยังแอบห่วงว่าจะจบแบบไหนที่จะไม่เวอร์กันเกินไป) เรียกว่าละครไม่ได้พาเราหลุดไปโลกอื่นเพื่อหลีกหนี แต่ใช้ละครทำให้คนต่อสู้กับโลกแห่งความจริงต่างหาก ซึ่งจุดนี้คือ จุดที่ทำให้เรานับถือซีรีส์ญี่ปุ่นและฝรั่งนะ (อ่อนไหวเป็นพิเศษกับคำว่า กัมบัตเตะ คือ ชีวิตมันก็ต้องสู้ไปเรื่อยจริงๆ ) อ้อ แต่ขอเตือนก่อนว่าจะชอบมี flashback สไตล์ซีรีส์ญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นระยะๆ อันนี้เป็นอย่างเดียวที่ไม่ชินจริงๆ (ฮ่าๆ) . สรุปแล้วเรื่องนี้ห้ามพลาด ฟีลกู๊ดแนวหนังญี่ปุ่นตอนฉาย itv เลยหล่ะ (ฮ่าๆๆๆ) และอยากกระซิบดังๆ ว่า น้องยูโตะงานดีมาก ควรจะมาดูกันจริงๆ บทก็ส่งกับคาแรคเตอร์น้องอีก แคสต์ดีค่ะ ชื่นชม ปรบมือ ซีรีส์มีทั้งหมด 9 ตอนเท่านั้นเองจ้า ดูแป๊ปเดียวก็จบ ;)