Emerald Fennell & Promising Young Woman : เมื่อสาวท้องแก่กำกับหนังสาวซ่าส์(ล่าบัญชีแค้น)
*บทความนี้เขียนสำหรับเผยแพร่ใน Directed by Women Thailand : Click
.
คำเตือน : มีสปอยนิดหน่อยนะคะ
.
เมื่อไม่นานมานี้ แอดเพิ่งได้มีโอกาสได้ดูหนังเรื่อง Promising Young Woman (หรือชื่อไทย สาวซ่าส์ล่าบัญชีแค้น) แอดเลยอยากจะรีวิวและเชิญชวนให้ทุกคนได้ดูหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะเพื่อนหญิงทุกคน
.
Promising Young Woman เป็นหนังทริลเลอร์-ตลกร้าย เขียนบท กำกับและร่วมโปรดิวซ์โดย นักแสดงหญิงชาวอังกฤษ ชื่อ เอเมอรัลด์ เฟนเนลล์ (นางแสดงเป็นคามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ ในซีรีส์ The Crown) พอไปหาข้อมูลเพิ่มก็พบว่านางยังเขียนหนังสือเด็กและแสดงละครเวทีอีกด้วย เรียกว่าเก่งรอบด้านมากๆ สำหรับหนังเรื่องนี้เป็นผลงานเดบิวต์ของเอเมอรัลด์ แถมยังได้รับการเข้าชิง 5 รางวัลออสการ์ ทั้ง ผู้กำกับยอดเยี่ยม นักแสดงหญิงยอดเยี่ยม ตัดต่อยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมซึ่งเธอได้ออสการ์ในรางวัลนี้
.
สำหรับเรื่องย่อหนัง เริ่มเปิดเรื่องด้วยการที่เราเห็น แคสซี่ (แสดงโดยแครี่ มัลลี่แกน) ปลอมตัวเป็นสาวหลายคาแรคเตอร์ แกล้งทำเป็นเมาดิ่งจนแทบยืนไม่ไหวตามผับตามบาร์ รอให้เหล่าผู้ชาย“nice guy” ปากบอกว่าหวังดีแต่ก็หิ้วเธอกลับบ้าน พวกเขาพยายามลวนลามเธอไม่ว่าเธอจะเมาแค่ไหนก็ตาม ระหว่างช่วงกำลังจะเข้าได้เข้าเข็มนั้นเอง เธอก็หายเมาและถามพวกเขาว่ากำลังทำอะไรกับเธออยู่..แล้วเธอก็จะเริ่มบทลงโทษให้กับคนเหล่านั้น ซึ่งชีวิตเธอเป็นมาแบบนี้มาตลอดจนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่เธอทำงานร้านกาแฟ ก็มีชายหนุ่มที่เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนแพทย์ของเธอปรากฏตัวขึ้น เมื่อความทรงจำในอดีตถูกปลุกให้ชัดเจนกว่าทุกครั้ง จุดเริ่มต้นของ”การแก้แค้น”ก็เริ่มต้นขึ้น
.
ว่ากันด้วยเรื่องเขียนบท เอเมอรัลด์ เฟนเนลล์เริ่มเขียนบทภาพยนตร์ครั้งแรกเมื่อปี 2008 และมีงานเขียนหนังสือเด็กเรื่อยมา สำหรับหนังเรื่องนี้เธอเริ่มเสนอให้นายทุนตั้งแต่ปี 2017 แต่ก็ไม่มีใครอยากสร้างหนังตลกร้ายเกี่ยวกับการข่มขืนเท่าไหร่นัก บางคนอยากทำให้หนังมันดูง่ายและตลาดกว่านี้ โชคดีที่ LuckyChap (โปรดักชั่นที่มาโก รอบบี้เป็นเจ้าของ) FilmNation และ Focus Features เข้าใจว่าเธอกำลังทำอะไรจึงให้การสนับสนุนเธอ จนมกราคม 2019 มีการประกาศว่าเธอจะเขียนบทและกำกับเรื่องนี้ ส่วนงานโปรดักชั่นก็เริ่มเมื่อมีนาคมปีเดียวกัน
เธอเล่าว่าตัวเธอเองไม่ได้ต้องการเขียนบทหนังแนวข่มขืนแก้แค้นเหมือนที่เคยมีมาประเภทที่ตัวเอกตกเป็นเหยื่อในตอนต้นเรื่องและสามารถหาความแข็งแกร่งในตัวเองได้ในตอนจบเรื่อง เธอเริ่มจากคิดว่าถ้าหากเธอเป็นตัวเองของหนังเรื่องนี้ เธอจะทำอย่างไร โดยคิดถึงร่างกายผู้หญิง, ข้อจำกัดทางกายภาพและสังคม และทักษะที่เธอมี นอกจากนี้เธอยังเขียนตัวเอกให้มีข้อตัดสินใจที่ทั้งดีและผิดพลาดเพื่อให้บทมีความเสมือนจริงและเล่นกับความรู้สึกของคนดู
.
หนึ่งจุดเด่นสะดุดตาของหนังเรื่องนี้คือ สีสันแนวลูกกวาดนีออนกุ๊กกิ๊กเต็มไปหมดทั้งเรื่อง เฟนเนลล์เล่าว่าไม่ได้ตั้งใจทำสีให้มันสวนทางกับเนื้อเรื่องเก๋ๆ อย่างที่คนเข้าใจแต่เธอชอบสิ่งเหล่านี้จริงๆ มันคือความเป็นตัวเธอ อย่างเช่นหนึ่งในฉากสำคัญที่ตัวแคสซี่กับไรอัน (ตัวเอกชายของเรื่อง) ร้องเพลง Stars are blind ของปารีส ฮิลตัน เธอคิดจริงๆ ว่าเพลงอะไรบ้างที่ถ้าหากผู้ชายที่เธอกำลังเดตร้องเพลงนี้เธอจะหลงรักเขามากขึ้นไปอีก แล้วคำตอบก็คือเพลงนี้นี่แหละ ซึ่งตอนทำหนังเรื่องนี้เธอก็ส่ง playlist เพลงกับ moodboard ให้ทีมงานทุกคนก่อน ซึ่งหนังก็มีตั้งแต่ To Die For, The Virgin Suicides และ Sweet Valley High ส่วนเพลงก็มี Paris Hilton และ Britney Spears ที่เธอเปิดย้ำซ้ำไปมาระหว่างเขียนบท เฟลเนลล์บอกว่านี่ไม่ใช่หนังมืดหม่น ตัวเอกของเธอไม่ได้จมปลักกับความทุกข์และเอาแต่สงสารตัวเอง มันออกจะตรงกันข้าม เธอคิดว่าหนังมันค่อนข้างจะเฟมินีนมากทีเดียว เพราะว่าถ้าผู้หญิงเรายิ่งรู้สึกแย่เท่าไหร่ พวกเราก็จะทำให้ตัวให้สวยมากขึ้นเท่านั้น
.
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดสำหรับหนังเรื่องนี้ก็คือ ตัวเฟนเนลล์ออกกองกำกับหนังเรื่องนี้ตอนท้อง 7 เดือน ยิ่งมีกำหนดการคลอดเธอก็ยิ่งต้องเร่งถ่ายทำให้เสร็จ เธอบอกว่าปกติแล้วเธอแคร์คนอื่นมากๆ แต่ข้อดีของการอุ้มท้องแก่อยู่ก็คือเธอไม่ต้องคิดถึงคนอื่นเลยเพราะเธอมีระเบิดนับถอยหลังอยู่ในตัว การตั้งครรภ์ทำให้เธอมีพลังมากขึ้น หลังจากเธอปิดกองไปสามอาทิตย์เธอก็คลอดลูก
.
อีกหนึ่งแผนกของหนังเรื่องนี้ที่โดดเด่นเป็นที่สุดคือ แผนกแคสติ้ง หนังเรื่องนี้แคสติ้งแต่เหล่านักแสดงที่เราเห็นตามหนังโรแมนติก คอมเมดี้ สไตล์หนุ่มข้างบ้าน ทั้งอดัม โบรดี้จาก The O.C., แมกซ์ กรีนฟิลด์ จาก New Girl, คริส โลเวลล์ จาก Veronica Mars, อลิสัน บรี จาก Community ส่วนตัวละครสำคัญที่เล่นเป็นไรอัน ตัวละครหนุ่มที่แคสซี่ตกหลุมรัก เฟนเนลล์ก็ได้แคสต์ โบ เบิร์นแฮม นักแสดงตลกที่เหล่าอเมริกันหลงรักให้มาเป็นตัวละครนี้ ฝ่ายแคสติ้งกล่าวว่า ผู้กำกับเฟนเนลล์รู้อย่างแน่ชัดว่าเธอต้องการอะไร เธอต้องการเล่นกับความรู้สึกและการตัดสินของคนดูว่าใครเป็นคนดี ใครเป็นคนไม่ดี ทุกคนสามารถทำร้ายคนอื่นได้ ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะดูเป็นหนุ่มเนิร์ดๆ น่ารักที่ชอบวงดนตรีอินดี้ก็ตาม ผู้กำกับนางรู้ความต้องการของตัวเองอย่างเฉพาะเจาะจงทำให้การแคสติ้งดำเนินการไปได้อย่างรวดเร็วกว่าหนังเรื่องทั่วๆ ไป หนังเรื่องอื่นๆ อาจใช้เวลาเป็นปีในการแคสต้ิง แต่หนังเรื่องนี้ใช้เวลาเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น
.
เฟนเนลล์กล่าวว่ามันสำคัญมากที่จะใช้นักแสดงที่คนดูมีความรู้สึกร่วมเพราะเธอจะสามารถหักมุมและทำให้คนดูตกใจไปกับเรื่องได้ (ขนาดตัวละครที่เป็นตัวดีก็ยังใช้นักแสดงที่รับแต่บทร้ายมาเล่น เรียกว่าพิถีพิถันแคสติ้งมาก) เธอแคสต์นักแสดงที่คนดูจะรู้สึกไว้ใจและคิดว่าเขาเหล่านี้ไม่น่าจะทำอะไรแย่ๆ แน่นอน เธอบอกว่าประเด็นพวกนี้แหละที่มันคลุมเครือซับซ้อนน่าเล่น เพราะเวลาเราพูดถึงคนที่เราไม่ชอบใจหรือไม่เคารพ เราก็จะตัดสินได้ง่ายๆ แต่พอมันเกิดกับคนที่เรารู้จัก รัก เคารพ ไม่มีใครจะพูดว่า “ถึงเค้าเป็นไม่ดีแต่ฉันก็จะยังรักพวกเค้า” ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นคือ “ไม่ใช่เรื่องจริง คนคนนี้ไม่มีทางทำแบบนั้น ซึ่งนี่มันเป็นวัฒนธรรมที่พวกเราเติบโตมาและทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดถึงในหนังเรื่องนี้ มันก็อยู่ในหนังตลกและในทีวีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้เอง บางคนบอกว่าหนังเรื่องนี้ต่อต้านผู้ชายแต่ความจริงแล้วในเรื่องนี้ก็มีตัวละครหญิงและ”ระบบ”ที่เป็นตัวร้ายและโทษเหยื่อด้วยเหมือนกัน
.
ในส่วนของการกำกับนักแสดง อย่างฉากที่บาร์ในตอนต้น เธอก็กำชับเหล่านักแสดงชายให้คิดว่านี่มันหนังรอมคอม น่ารักๆ ที่เธอเป็นตัวเอก เธอเป็นคนดี เพิ่งช่วยสาวที่เมาจากผับจากเพื่อนสุดอันตรายที่มาด้วยกัน จากนั้นเธอก็พาผู้หญิงกลับบ้าน มีอะไรกัน พอตื่นเช้ามาต่างฝ่ายต่างก็อุ้ย จำไม่ได้และจบๆ กันไป เฟนเนลล์โยนคำถามว่า หากตัวเราเชื่อมาตลอดว่าเราเป็นเป็นคนดี แล้วอยู่ดีๆ วันหนึ่งมีคนมาบอกว่าเราไม่ใช่คนดีนะ ไม่ได้ใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำ..เราจะรู้สึกอย่างไร
.
เรียกได้ว่าหนังเรื่อง Promising Young Woman มีหลายกระบวนการ ตั้งแต่การคิดบท การแคสติ้ง ฉาก เสื้อผ้า หน้าผม รวมไปถึงการกำกับที่แตกต่างไปจากหนังเรื่องอื่นๆ อย่างมาก (โดยเฉพาะเรื่องที่เธอท้องโย้ตอนกำลังกำกับหนังเรื่องนี้) สำหรับแอดเองเรียกได้ว่าประทับใจหนังเรื่องนี้มาก ประสบการณ์ตรงคือดูจบแล้วรู้สึกว่าไม่ชอบ (ฮ่าๆ) แต่แล้วพอวันรุ่งขึ้น อยู่ดีๆเรื่องนี้ก็วนกลับเข้ามาในหัวแล้วทำให้แอดคิดอะไรต่างๆ ในอีกหลายแง่มุม แล้วสุดท้ายแอดก็ต้องมาเขียนบทความนี้นี่แหละ เพราะมันกลายเป็นความประทับใจที่เกิดขึ้น
.
หนังเรื่องนี้นอกจากตัวแคสซี่จะสามารถทำให้เรารู้สึกไปกับตัวละครแล้ว ยังกระตุ้นให้เราคิดตามเธอในหลายเลเยอร์ ทั้งเรื่องครอบครัว เพื่อน คนรัก การยึดติดและการเดินหน้าต่อ หนังเรื่องนี้มันมี”ความเป็นหญิง”อยู่เต็มไปหมดแบบที่ผู้ชายไม่สามารถสร้างหนังแบบนี้ได้ ตั้งแต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละคร, red flag ต่างๆ ที่แอบอยู่, การรับมือ จนไปถึงจุดไคล์แมกซ์ และจุดจบของหนังซึ่งก็ยังเล่นกับความจริงอันโหดร้ายในแง่อื่นๆ อยู่ดี ซึ่งเฟนเนล์บอกว่าจริงๆ แล้วเธอเขียนตอนจบแบบดาร์คกว่านี้อีกแต่สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนตอนจบให้มันดูมีความหวัง เธอรู้ว่าคนดูอยากให้เขียนตอนจบแบบตัวเองตัดของลับของทุกคนแล้วเดินสูบบุหรี่จากไปอย่างเก๋ๆ สโลว์โมชั่น แต่นั่นมันไม่มีความสมจริงเสียเลย สำหรับเธอแล้วตอนจบที่เธอเขียนมันสมจริงมากๆ เพราะมันน่าจะเป็นทางเดียวที่เหยื่อจากการข่มขืนจะได้รับความยุติธรรม หนังเรื่องนี้ไม่มีพลังวิเศษ ในความเป็นจริงการที่จะให้คนได้ยินเสียงของคนตัวเล็กๆ ก็มีแต่ตอนจบแบบนี้เท่านั้น เพราะมันไม่ใช่เทพนิยาย สำหรับแอดแล้ว Promising Young Woman นี่มันหนัง horror ของผู้หญิงจริงๆ ค่ะ
.
แหล่งอ้างอิง
Comments